ผักกาดหอม หรือ ผักสลัด เป็นผักที่มีลักษณะสีสันสวยงาม จึงนิยมนำมาประดับตกแต่งให้กับจานอาหารเพื่อความสวยงามน่ารับประทาน ผักกาดหอมจะมีลำต้นอวบน้ำขนาดเล็ก และมีใบขนาดใหญ่ปกคลุมลำต้น ผักกาดหอมมีหลากหลายพันธุ์ ซึ่งลักษณะของใบและสีสันก็จะแตกต่างกันออกไป เช่น ผักกาดหอมห่อ (Head Lettuce) จะมีใบสีเขียว อัดรวมกันแน่นจนมีลักษณะเป็นหัว เนื้อใบบางกรอบ
ผักกาดหอมที่คนไทยกินกันมากที่สุดก็คือ ผักกาดหอมใบที่มีใบสีเขียว โดยใบข้างนอกมีสีเขียวเข้มกว่าใบอ่อนด้านใน ขอบใบหยิกสวย ลำต้นมีลักษณะเป็นข้อสั้น เนื้อใบกรอบ รสหวานปนฝาดเล็กน้อย กินได้ทั้งแบบสด เช่น ใส่ในสลัด ยำ เมี่ยง แซนด์วิช ก๋วยเตี๋ยวลุยสวน หรือกินเคียงสาคูไส้หมู แต่เมื่อนำไปปรุงสุก ใบจะอ่อนนุ่ม เคี้ยวง่าย และรสชาติหวานขึ้น เช่น ใส่ในแกงจืดหรือก๋วยเตี๋ยว
ประโยชน์จากการกินผักกาดหอมก็คือ ช่วยให้นอนหลับง่าย ขับปัสสาวะ ล้างพิษ ขับเหงื่อ และแก้ไข้ ในผักกาดหอมหนัก 100 กรัม จะมีฟอสฟอรัส 39 มิลลิกรัม ธาตุเหล็ก 4.9 มิลลิกรัม วิตามินซี 24 มิลลิกรัม รวมถึงมีเบตาแคโรทีนและวิตามินเอสูง ช่วยป้องกันโรคเกี่ยวกับดวงตาได้เป็นอย่างดี
ผักกาดหอมเป็นพืชที่ใช้สารเคมีในการปลูกค่อนข้างมาก เพราะมีแมลงศัตรูพืชและโรคเยอะ อีกทั้งต้นยังเจริญเติบโตใกล้ผิวดิน ก่อนจะกินหรือนำมาปรุงอาหาร จึงควรแยกแต่ละใบออกจากลำต้น แล้วล้างให้สะอาด อีกปัญหาที่พบบ่อยของผักกาดหอมก็คือ มีรสขมจนต้องทิ้ง ซึ่งความขมก็ขึ้นอยู่กับระยะการเก็บผลผลิตและสภาพอากาศตอนปลูก โดยความขมของผักกาดหอม เกิดจากสารแลคทูคาเรียม (Lactucarium) ที่อยู่ในยางสีขาว ซึ่งมีประโยชน์ตรงที่มีฤทธิ์ช่วยให้ผ่อนคลาย แก้ไอและแก้ปวด
ที่มา : prayod.com